กลยุทธ์มนุษย์เงินเดือน ฉบับสามก๊ก 3

กลยุทธ์มนุษย์เงินเดือน ฉบับสามก๊ก
ตอน  คนตามหางาน


จะว่าไปแล้ว การที่ขงเบ้งได้แจ้งเกิดวงการกุนซือนั้น
เนื่องด้วยได้อาจารย์ดี ถ่ายทอดความรู้ แล้วโปรโมทให้ด้วย
สุมาเต็กโช จึงเป็นยอดอาจารย์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมของอาจารย์ ๕ ประการ

๑ ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี 

๒ สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง

๓ สอนศิลปวิทยาให้สิ้นเชิง - ถ่ายวิชาความรู้จนหมดภูมิ ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรจะสอนแล้ว และไม่กลัวว่าศิษย์จะเก่งกว่า อาจารย์ที่ดี ต้องสอนศิษย์ให้เก่งกว่าตัว ความรู้จะได้พัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ

๔ ยกย่องให้ปรากฏในหมุ่เพื่อน - ในชั้นนี้ สุมาเต็กโชทำยิ่งกว่า ยกย่องให้ปรากฏต่อคนภายนอก โฆษณาหางานให้ลูกศิษย์ไปในตัว ลูกศิษย์เก่งสร้างผลงาน อาจารย์และสถาบันก็พลอยมีชื่อไปด้วย

๕ สร้างเครื่องคุ้มกันภัยทุกสารทิศ - วิชาความรู้นั้นนำไปใช้ทำงานได้จริง สอนให้ศิษย์ปฏิบัติได้จริง นำวิชาไปเลี้ยงชีพทำงานได้ดี

เมื่อศิษย์ทั้งหลาย ได้รับความกรุณาจากอาจารย์ดังนั้น พึ่งปฏิบัติตอบแทนดังนี้

๑ ลุกต้อนรับแสดงความเคารพ
๒ เข้าไปหา - อย่าต้องให้ตาม กลัวครูไม่รู้วิชา
๓ ใฝ่ใจในการเรียน
๔ ปรนนิบัติ
๕ เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ

แล้วศิษย์เก่ง บังทอง ได้งานจากนี้ได้อย่างไร
ใครที่อ่าน และดู ๓ ก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ
นอกจากพลังสมองของขงเบ้ง และกำลังความสามารถของจิวยี่แล้ว
ปฏิเสธไม่ได้เลย คนที่มีส่วนร่วมให้ทัพเรือถูกเผา คือ บังทอง

คนอย่างโจโฉ เจอยอดปราชญ์บังทองสรรเสริญว่าเก่งเข้าหน่อยก็ปลื้มลืมตัว
" ตั้งขบวนทัพอันหาผู้เสมอมิได้
ถึงมาตร ซุนวู่ จะกลับมีชีวิตมาทำการสงครามด้วยท่านครั้งนี้
ก็ไม่อาจชนะท่านได้ "

โจโฉยอมรับนับถือในปัญญาของบังทองเสมอหนึ่งเป็นอาจารย์
ไตร่ถามในการสงคราม บังทองตอบได้ไม่ขัดข้องแม้แต่ประการเดียว
เสียตรงที่ทหารโจโฉเป็นชาวดอน ไม่สันทัดทางน้ำ เสนอกลห่วงโซ่ สัมพันธ์ ตรึงเรือให้นิ่ง
โจโฉเห็นจริง เรือรบทั้งปวงแน่นิ่งทหารไม่เมาคลื่น ทั้งม้าและคนเดินรบพุ่งด้วยกันถนัด

สุดท้าย วอดวายเพราะขงเบ้งเรียกลม จิวยี่ใช้ไฟเผา 
ด้วยบังทองวางกลตรึงเรือโฉ ให้เป็นเป้านิ่งทำลายล้าง

นี่คือเขาละ หงษ์ดรุณ บังทอง ยังมิได้สังกัดก๊กไหน ก็สร้างผลงานชิ้นสำคัญ
แล้วทำไมบังทองถึงได้งาน ยากที่สุด ช้าที่สุดละ
แรกเริ่มเดิมที บังทองสมัครใจจะเข้าด้วยกับซุนกวนๆเห็นลักษณะบังทอง
ไม่เจริญหู เจริญตา พูดจาไม่หวานหู จึงไม่ศรัทธา
เห็นคิ้วใหญ่ จมูกโด่ง หน้าดำ หนวดสั้น รูปนั้นวิปริตนัก น้ำใจจึงไม่ยินดี
จึงแจ้งว่า เชิญท่านออกไปก่อนเถิด เมื่อมีราชการข้างหน้าค่อยไปจึงเชิญท่านมาคิดอ่าน
( ปฎิเสธ แบบนิ่มๆ ตอนสมัครงานใหม่ๆ ผมก็เคยเจอบ่อยๆ )


มีโลซก กุนซืนคนซื่อของซุนกวน ที่เป็นห่วง กลัวบังทองเข้าด้วยโจโฉ
แนะนำให้ไปหาเล่าปี่ แล้วเขียนหนังสือรับรองคุณภาพให้อีกต่างหาก
ก่อนหน้านี้ ก็ได้หนังสือรับรองคุณภาพจากขงเบ้ง กลายเป็นว่า
บิ๊กเนม ๒ คน ๒ก๊ก รับรองการันตี คุณภาพบังทองได้เป็นอย่างดี

ตอนบังทองไปหาเล่าปี่ แรกๆก็ดีใจได้ยินชื่อลือชามานานแล้วได้เจอตัวเสียที
แต่พอเจอตัวจริง ผงะครับ เห็นรูปวิปริตน้ำใจไม่สู้ยินดี จึงแกล้งว่า

"ท่านมาแต่ไกล เราก็มิได้มีธุระสิ่งใด เมืองเกงจิ๋วนี้สงบราบคาบอยู่
แต่เมืองเอี๋ยงยังไม่มีเจ้าเมือง เชิญท่านไปอยู่ก่อนเถิด"
บังทองคิดเล่าปี่ดูถูกไม่นับถือ จะแสดงภูมิรู้ให้เห็นก็เสียเปล่า
จดหมายรับรอง ๒ฉบับของขงเบ้ง และโลซก ก็ไม่เอาให้ดู
ใจเด็ดอยู่ ดีนะที่ไม่เปลี่ยนใจไปอยู่กับโจโฉ เกมพลิกทันที

ในเรื่องนี้ ผมขอยกย่องโจโฉนะ ที่มองเพชร เป็น เพชร
มองปราชญ์ เป็น ปราชญ์ มองทะลุผ้าขี้ริ้วที่ห่อทอง ในตัวบังทอง
ทั้งๆที่โจโฉนับถือ บังทองเหมือนอาจารย์ แม้รูปชั่วตัวดำ ก็ไม่รังเกียจ เหมือน ซุนกวน และเล่าปี่
นี่ถ้าบังทอง สุจริตใจ กับโจโฉ ๓ก๊กเกมเปลี่ยนทันที อย่างน้อย ก็คงไม่แตกทัพยับเยิน

พอได้มาอยู่เมืองเอี๋ยง เหมือน ความสามาถระดับผู้บริหาร
มาให้ทำงานเสมียน ก็แกล้งกินเหล้าไม่เอางาน
เล่าปี่รู้ข่าว ส่งเตียวหุยซุนเขียน ไปสอบสวน
บังทอง จึงได้แสดงความสามารถให้เห็น
ว่าความ เขียนสำนวน ได้เรียบร้อยรวดเร็ว
จนคนหยาบอย่างเตียวหุยนับถือ

บังทองจึงเอาหนังสือที่โลกซกให้มาแก่เล่าปี่นั้น ออกให้ซุนเขียนอ่านให้เตียวหุยฟัง

เท่ห์ไหมครับ เอาความสามารถมาอวด ไม่ต้องเอาหนังสือรับรองของคนอื่นมาอวด
จึงจะแน่จริงสมเป็นนักปราชญ์ 
เตียวหุยสงสัย ทำไม เจอเล่าปี่ ไม่เอาให้ดู 

"ครั้งจะให้ดูหนังสือนั้นก็เหมือนข้าพเจ้าแกล้งขอหนังสือมาเป็นนายหน้า
ให้ผู้อื่นช่วยสรรเสริญ ข้าพเจ้าจึงมิให้ดู"
แต่แสดงความสามารถให้เห็น

หนังสือที่โลซกรับรองเขียนไว้ว่า
" บังทองคนนี้ ได้ร่ำเรียนความรู้วิชาการเป็นอันมาก
แล้วมีสติปัญญาควรที่จะเป็นที่ปรึกษาท่านได้
แม้จะดูแต่ลักษณะรูปร่างภายนอกก็เห็นว่าไม่สม
ที่จะมีความรู้วิชาการดี ข้าพเจ้าเสียดายบังทอง
กลัวบังทองจะไปอยู่ด้วยผู้อื่น
ข้าพเจ้าจึงมีหนังสือให้บังทองมาหาท่าน"

ดูซิครับ คนเก่งย่อมนับถือคนเก่ง นี่ถ้าบังทองไม่ยิ่งเกินไป ก็อาจได้งานแต่แรกแล้ว
แต่ก็อย่างว่า ตอนนั้นเล่าปี่ ยังไม่ศรัทธา ถ้าไม่โชว์เพาว์ให้ดู ก็อาจยังไม่เชื่อ เหมือน ชีซี ( แต่ชีซี หน้าตาดีกว่า)

กว่าบังทองจะได้เป็นกุนซือ เล่าปี่ ออกแรงเหนื่อกว่าคนอื่น
ก็เป็นตัวอย่างได้ อย่างดี มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา บุคคลิกก็สำคัญ
เปรียบเหมือนสินค้า คนซื้อ คนจ้าง ย่อมต้องเลือกแพ็คเก็จดูดีก่อน ดีต่อดี ค่อยดูประเด็นอื่นอีกที
น้อยคนนัก จะเหมือนโจโฉ มองทะลุผ้าขี้ริ้วเห็นเนื้อทอง ซ่อนอยู่ภายใน

บุคคลิกดีแล้ว จึงต้องพรีเซ็นดีด้วย จึงจะสำเร็จได้งานไปทำอย่างบังทอง
ชีซี เดินร้องรำทำเพลง เข้าไปหาแบบชิวๆ แล้วก็ได้งานกลับมา
ขงเบ้ง นอนอยู่กับดีๆ งานก็เข้า เล่าปี่ต้องตามง้อถึง3หน จึงได้แสดงวิสัยทัศน์ วิเคราะห็บ้านเมือง วางนโยบายให้
แต่บังทอง เข้าไปหาเป็นแบบทางการ แม้จะมีผลงานความสามารถ ตอนเผาทัพเรือโจโฉ แต่กลับได้งานที่หลังเพื่อน ๒ คน

ก็เป็นข้อคิดได้อย่างดี


โดย อาจารย์ วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)

1 ความคิดเห็น:

สามก๊กวิทยา กล่าวว่า...

เขียนได้ดีมากเลยครับ อ่านแล้วได้ข้อคิดเยอะ